วันเสาร์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2551

Data Base

11 เมษายน 2551 : Data base

วันนี้พี่แอลจะสอนเรื่อง data base แต่น้องๆผู้แสนรู้ไม่ได้เคยรู้เรื่อง data base มาก่อนหน้านี้เล๊ยยย จึงทำให้เกิดอาการฟังไม่ได้สับจับทำเขียน blog มั่วๆไป 5555+

เอาละ ไหนๆวันนี้ก็เรียนไม่รู้เรื่อง เลยจะหาข้อมูลเรื่อง "Crystal reports" แล้วก็ "Oracle" ที่พี่เค้าพูดถึงมาอ่านไว้เป็นความรู้ประทับหัวกันล่ะ ^o^


  • Oracle


ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับ ORACLE 10g

•Edition ของ Oracle Database 10g
–Oracle Database 10g Standard Edition one รองรับผู้ใช้งานหลายคน ทำงานกับเครื่องที่มีจำนวนซีพียูไม่เกิน 2 CPU
–Oracle Database 10g Standard Edition (SE) รองรับผู้ใช้งานหลายคน ทำงานกับเครื่องที่มีจำนวนซีพียูไม่เกิน 4 CPU
–Oracle Database 10g Enterprise Edition (EE) รองรับผู้ใช้งานหลายคน โดยไม่จำกัดจำนวนซีพียู และเพิ่มเติมคุณสมบัติในการจัดการแบบพิเศษ
–Oracle Database 10g Personal Edition (PE) มีคุณสมบัติเช่นเดียวกับแบบ EE แต่รองรับผู้ใช้งานคนเดียว


ORACLE 10g Express Edition (XE)
•เป็น Edition ล่าสุดของ Oracle 10g สามารถใช้งานได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายทางลิขสิทธิ์
•เพื่อให้นักพัฒนาโปรแกรมที่ใช้ภาษา Java หรือ .net หรือ PHP สามารถดาวน์โหลดไปใช้พัฒนาโปรแกรมได้ ในลักษณะ Freeware แต่อาจมีข้อจำกัดบางประการ รวมถึงใช้ในการศึกษา
•ข้อจำกัดของ Edition XE คือ
–ทำงานกับ CPU เพียง 1 CPU เท่านั้น
–ทำงานกับ Database ได้ทีละ 1 Database (1 Instance)
–เก็บข้อมูลได้สูงสุดเพียง 4 GB
–ทำงานกับหน่วยความจำได้ไม่เกิน 1 GB
•สามารถดาวน์โหลดที่
http://otn.oracle.com หรือ http://www.oracle.com/technology/index.html


การใช้งาน Oracle Database Homepage
•Oracle Database Homepage เป็นเครื่องมือในรูปแบบ wizard ซึ่งทำงานภายใต้ Web Browser เช่น IE หรือ Firefox หรือ Netscape เป็นต้น
•ช่วยให้ผู้ใช้สามารถทำงานดูแลฐานข้อมูลหลักๆ ผ่านเครื่องมือตัวนี้ได้อย่างรวดเร็ว
•วิธีการเรียกใช้ Oracle Database Homepage
1. เรียกผ่าน Web Browser โดยใช้ URL เป็น
http://127.0.0.1:8080/apex/
2. ใช้ Shortcut Menu ที่ Program Group ชื่อว่า Oracle Database 10g Express Edition -> Go To Database Homepage
•เมื่อ login เข้าสู่ Oracle Database Homepage ด้วย user ชื่อ system แล้ว จะพบเครื่องมือ 4 ส่วนได้แก่
–เครื่องมือจัดการงานด้านระบบของฐานข้อมูล (Administrator)
–เครื่องมือจัดการงานด้าน Object ชนิดต่างๆ (Object Browser)
–เครื่องมือจัดการงานด้านการใช้คำสั่ง SQL (SQL)
–เครื่องมือจัดการงานด้านอื่นๆ (Utilities)

•เครื่องมือจัดการงานด้านระบบของฐานข้อมูล (Administrator)
–การจัดการด้านหน่วยความจำที่ระบบฐานข้อมูลใช้
–การจัดการด้านเนื้อที่ในการเก็บฐานข้อมูล
–การจัดการด้านการสร้างและควบคุมผู้ใช้
–การจัดการด้านการตรวจสอบพฤติกรรมการทำงานของระบบฐานข้อมูล

•เครื่องมือจัดการงานด้าน Object ชนิดต่างๆ (Object Browser)
–การจัดการสร้าง (Create) Object ประเภทต่างๆ เช่น Table และ View
–การเรียกดู (Browse) ตัวข้อมูลที่อยู่ใน Object ประเภทต่างๆ เช่น การเรียกดูข้อมูลใน Table

•เครื่องมือจัดการงานด้านการใช้คำสั่ง SQL (SQL)
–การจัดการส่งคำสั่ง SQL เข้าสู่ระบบฐานข้อมูล
–การเขียนคำสั่ง SQL ประเภทต่างๆ
–การสร้างคำสั่ง SQL ในรูปแบบของ Scirpt

•เครื่องมือจัดการงานด้านอื่นๆ (Utilities)
–เครื่องมือการนำข้อมูลเข้าสู่ฐานข้อมูลในรูปแบบต่างๆ เช่น Text และ XML เข้าสู่ฐานข้อมูล
–เครื่องมือการนำข้อมูลออกจากฐานข้อมูลในรูปแบบต่างๆ


กลุ่ม User ใน Oracle Database 10g XE
•Oracle ทุก Edition จะมี User หลักสำหรับดูแลระบบฐานข้อมูลชื่อ sys และ system
•Oracle Database 10g XE แบ่งกลุ่ม User ของระบบออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่
–Internal User เป็นกลุ่มผู้ใช้ที่ดำเนินการเกี่ยวข้องกับระบบภายในของ Oracle Database ซึ่งจะมีสิทธิสูงสุดในการจัดการกับระบบฐานข้อมูล Oracle ซึ่งในที่นี้คือ User ที่ชื่อ sys และ system นั่นเอง ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นตำแหน่ง Database Administrator (DBA)
–Database User เป็นกลุ่มผู้ใช้ทั่วไป ซึ่งจะมีสิทธิในการจัดการฐานข้อมูลเท่าที่จำเป็นเท่านั้น เช่น การจัดการเพิ่มข้อมูล ลบข้อมูล ตามที่ DBA กำหนดสิทธิไว้

ข้อมูลจาก : http://www.winyou.net/CPC_05-510-323-DatabaseManagementSystem/CPC_05530489-SelectTopic_Week01_B.ppt

ภาษาระบบจัดการฐานข้อมูล (DBMS Language)

การที่ผู้ดูแลฐานข้อมูลจะติดต่อกับฐานข้อมูลได้นั้น จะต้องติดต่อด้วยการใช้คำสั่งในภาษาที่ระบบจัดการฐานข้อมูลรู้จัก เพื่อประโยชน์ในการจัดการฐานข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่ม ลบ แทรก แก้ไข หรือค้นหาข้อมูล ภาษาระบบจัดการฐานข้อมูลที่ได้รับความนิยมสูงสุดในปัจจุบัน คือ "ภาษาสอบถามเชิงโครงสร้าง (Structured Query Language: SQL)" เป็นภาษาที่ใช้ในการค้นหาข้อมูล และจัดการกับข้อมูลในฐานข้อมูล มีลักษณะคำสั่งคล้ายภาษาอังกฤษ ได้รับการพัฒนาขึ้นมาโดย Almaden Research Center ของบริษัท IBM ต่อมาได้ถูกนำมาพัฒนาโดยผู้ผลิตซอฟแวร์ด้านระบบจัดการฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์จนเป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน ซึ่งผู้ผลิตแต่ละรายก็พยายามที่จะพัฒนาระบบจัดการฐานข้อมูลของตน ให้มีลักษณะเด่นเฉพาะขึ้นมา ทำให้รูปแบบการใช้คำสั่ง SQL มีรูปแบบที่แตกต่างกันไปบ้าง เช่น Oracle, Access, SQL Base ของ Sybase INGRES หรือ SQL Server ของ Microsoft เป็นต้น

ข้อมูลจาก : http://203.172.220.170/stu_proj/493522/ACCESS1.doc

  • Crystal reports


Overview
•โปรแกรมที่ใช้ออกรายงานที่ใช้ในปัจจุบันนั้นมีหลายโปรแกรม แต่ในหลายโปรแกรมก็มีข้อจำกัดหลายประการ เช่น ข้อจำกัดเรื่องของฟังก์ชันและรูปแบบรายงานต่างๆ ที่ไม่เพียงพอต่อความต้องการ ที่จะแสดงผลหรือทำการออกรายงานต่างๆ ที่จำเป็น ฉะนั้นจึงขอแนะนำโปรแกรม Crystal Reports ที่นอกจาก
จะมีฟังก์ชันหลากหลายแล้วยังมี mode แสดงผลทางด้าน Graphic ได้ดีอีกด้วย

Crystal Reports คืออะไร?
•Crystal Reports เป็นผู้นำตลาดทางด้านโปรแกรมการเขียนรายงานสำหรับทุกคนที่จำเป็นที่จะต้องออกรายงาน หรือ query โดยตรงจากแหล่งข้อมูล ,จัดสร้างรายงาน รวมถึงการออกรายงาน จากโปรแกรม Application โดยมีการเข้าถึงข้อมูลได้ถึง 30 แบบของแหล่งข้อมูล และทำการวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมกับผลลัพธ์ในการนำเสนอที่มีคุณภาพ


ทำไมเราถึงเลือกใช้ Crystal Reports ?
1. Access Data from Virtually any Data Source
2. Design Interface Report Quickly
3. Create any Report You Can Imagine
4. Perform Powerful Data Analysis
5. Produce Presentation-Quality Reports


แนะนำการใช้ Crystal Reports
1. การเลือกวิธีการสร้างรายงาน
2. การติดต่อกับฐานข้อมูล
3. การเชื่อมความสัมพันธ์ของตาราง
4. การเลือกฟิลด์
5. การสร้าง Group
6. การหาผลรวม
7.การจัด Group แบบกำหนดค่า
8. การสร้างกราฟ
9. การสร้างเงื่อนไขของข้อมูล
10. การเลือกรูปแบบรายงาน


การนำ Crystal Reports มาใช้ร่วมกับ Visual Basic
•control และ component ที่มีอยู่ใน Visual Basic 6.0(VB) นั้นเป็นตัวที่ช่วยให้ Visual Basic 6.0 นั้นสามารถติดต่อกับ Crystal Reports ซึ่งมีชื่อว่า Crystl32.ocx เราต้องติดตั้งเพิ่มเข้าไป

•การที่เราจะนำรายงานนี่เราได้ไปใช้ร่วมกับ Visual Basic 6.0 มีความจำเป็นที่เราจะต้องทราบถึงตัว control และ component ต่างๆที่จะนำมาใช้ดังนี้
•copiesToPrint กำหนดว่าจะพิมพ์รายงานกี่ชุด
•PrintStartPage ,PrintStopPage กำหนดหน้าแรก และหน้าสุดท้ายที่จะพิมพ์
•ReportFileName กำหนดโฟลเดอร์ และชื่อไฟล์ที่เก็บรายงานที่จะให้คอนโทรลแสดง
•Action ถ้าเรากำหนด Action =1 จะเป็นการพิมพ์รายงานไปยังที่ที่เรากำหนดในคุณสมบัติ Destination
•Destination กำหนดลักษณะการแสดงรายงาน ซึ่งมีลักษณะต่างๆดังต่อไปนี้

0 - To Windows จะแสดงรายงานออกมาทางหน้าต่างในรูป Print Preview
1 - To Printer พิมพ์รายงานไปยัง Printer
2 - To File บันทึกรายงานโดยใช้ชื่อไฟล์ที่เรากำหนดในคุณสมบัติ PrintFileName
3 - To MAPI ส่งรายงานไปทาง E-Mail

•PrintFileName กำหนดชื่อไฟล์ที่จะสร้างขึ้นมา เมื่อเราเลือก Destination เป็น To File


ประโยชน์ของใช้ Crystal Reports ร่วมกับ Visual Basic
1.สามารถออกรายงานในโปรแกรมที่เขียนในโดย Visual Basic 6.0 ได้ ตามรูปแบบที่เราต้องการเนื่องจากตัวสร้างรายงานของ Visual Basic 6.0 เอง มีข้อจำกัด เช่น ไม่สามารถสร้าง Formular ได้ เป็นต้น ทำให้ไม่สามารถ ดูข้อมูลหรือ Field ที่เราต้องการได้
2. มีความหลากหลายในการแสดงรูปแบบของข้อมูล เช่น แสดงในรูปแบบกราฟต่างๆ และมีรูปแบบที่สวยงามกว่าตัวออกรายงานของ Visual Basic 6.0 เอง


การนำรายงานที่ออกแบบไปแสดงบนเว็บ
•ในการออกรายงานผ่าน Web นี้เราไม่สามารถไป Refresh เพื่อให้อ่านข้อมูลจากฐานข้อมูลจริงอีกครั้งได้ ดังนั้นเราจึงไม่สามารถเห็นข้อมูลที่เราเพิ่มเข้าไปตอนหลัง หรือต้องการป้อนข้อมูลที่เป็นพารามิเตอร์เข้าไปทำงานได้ แต่ Crystal Reports ก็ยังมีพร็อบเพอตี้GroupSelectionFormular ที่ช่วยให้เราสามารถ เลือกดูข้อมูลที่เราต้องการได้


3 ความคิดเห็น:

-FrintZ- กล่าวว่า...

^_^! โหช่างค้นหา พี่รู้ว่าพี่เค้าไม่ได้สอนอะไรมาก แต่เรามาหาข้อมูลเพิ่มเติม ขอชมๆ รู้หรือไม่รู้ค่อยว่ากันเองอีกทีแล้วกันเนอะ ทำให้เป็นนิสัยอย่างงี้แหละดีแล้ว

KwanG กล่าวว่า...

เข้าหน้า http://127.0.0.1:8080/apex ไม่ได้อะค่ะะ มีวิธีแก้มั้ยค่ะะ

KwanG กล่าวว่า...
ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ